วิธีแก้ Sitemap อ่านไม่ได้ (Sitemap could not be read) ใน WordPress

วิธีแก้ Sitemap อ่านไม่ได้ (Sitemap could not be read) ใน WordPress
Spread the love

วิธีแก้ปัญหา Sitemap อ่านไม่ได้ ซึ่งการส่งแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap) ไปยัง Google Search Console ถือเป็นขั้นตอนสำคัญของการทำ SEO สำหรับเว็บไซต์ WordPress แต่หากคุณเจอข้อความว่า “Sitemap could not be read” นั่นคือปัญหาที่ต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วน เพราะจะทำให้ Google ไม่สามารถเข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์คุณได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการจัดอันดับลดลงอย่างมาก

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไล่แก้ปัญหานี้อย่างเป็นระบบ พร้อมอธิบายสาเหตุ และเทคนิคป้องกันในระยะยาว

🔍 Sitemap คืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับ SEO?

ความหมายของ Sitemap

Sitemap คือไฟล์ XML ที่บอกให้ Google หรือเสิร์ชเอนจินอื่น ๆ ทราบว่า หน้าไหนของเว็บไซต์เรามีอยู่บ้าง ต้องการให้ถูกจัดทำดัชนี (Index) และมีการอัปเดตครั้งล่าสุดเมื่อไหร่

ประโยชน์หลักของ Sitemap

  • ช่วยให้บอทของ Google รู้ว่ามีหน้าใหม่ หรือเนื้อหาอัปเดต

  • เหมาะกับเว็บไซต์ใหม่ หรือเว็บที่มีโครงสร้างซับซ้อน

  • เพิ่มโอกาสในการแสดงผลในผลการค้นหา

⚠️ สาเหตุที่ทำให้ Sitemap อ่านไม่ได้ (Sitemap Could Not Be Read)

1. ไฟล์ Sitemap ผิดพลาด

  • เกิดจากปลั๊กอิน SEO สร้างไฟล์ XML ผิด

  • มีการแก้ไขไฟล์ sitemap.xml ด้วยตนเองแล้วผิดรูปแบบ

2. ปลั๊กอินขัดแย้งกัน

  • ใช้ปลั๊กอิน SEO พร้อมกับระบบ Cache หรือ CDN ที่มีการปรับแต่ง XML

  • ใช้ปลั๊กอิน Sitemap หลายตัวซ้อนกัน

3. ปัญหาจากการตั้งค่า .htaccess หรือ Permalink

  • ไม่ได้เปิดใช้งาน Pretty Permalink

  • mod_rewrite ไม่ทำงาน

4. ปัญหาจาก SSL หรือ URL ไม่ปลอดภัย

  • Sitemap อ้างอิงเป็น http:// แต่เว็บใช้ https://

  • Redirect loop

5. robots.txt บล็อก Sitemap โดยไม่ได้ตั้งใจ

ถ้าไฟล์ robots.txt บล็อก Sitemap โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้ Google หรือ Search Engine อื่นไม่สามารถเข้าถึงหรืออ่านแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap) ของคุณได้ ซึ่งจะกระทบต่อการจัดอันดับและการทำ SEO

🛠️ วิธีแก้ปัญหา Sitemap Could Not Be Read อย่างละเอียด

ขั้นตอนที่ 1 – ตรวจสอบ URL ของ Sitemap

ไปที่:

arduino
https://yourdomain.com/sitemap_index.xml
หรือ
https://yourdomain.com/sitemap.xml

✅ ถ้าเปิดไม่ขึ้น แสดงว่า Sitemap ผิดจริง

ขั้นตอนที่ 2 – ล้าง Cache และ CDN

ปลั๊กอิน Cache ที่มักก่อปัญหา

  • LiteSpeed Cache

  • WP Super Cache

  • W3 Total Cache

  • SiteGround Optimizer

วิธีล้าง Cache

  1. เข้าไปที่ Dashboard > ปลั๊กอิน Cache

  2. คลิกปุ่ม “Clear All Cache” หรือ “Purge All”

💡 เพิ่มเติม: หากใช้ Cloudflare ให้เข้าไปล้าง cache ในแผงควบคุม Cloudflare ด้วย

ขั้นตอนที่ 3 – รีเฟรช Permalink

  1. ไปที่ Settings > Permalinks

  2. กด “Save Changes” แม้จะไม่เปลี่ยนอะไร

สิ่งนี้จะช่วยให้ WordPress สร้าง .htaccess ขึ้นใหม่ให้ถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 4 – ตรวจสอบไฟล์ .htaccess

ให้คุณเช็กว่าในโฟลเดอร์หลักของเว็บไซต์ มีโค้ดนี้อยู่ใน .htaccess หรือไม่:

apache
# BEGIN WordPress
<IfModule mod_rewrite.c>
RewriteEngine On
RewriteBase /
RewriteRule ^index\.php$ - [L]
RewriteCond %{REQUEST_FILENAME} !-f
RewriteCond %{REQUEST_FILENAME} !-d
RewriteRule . /index.php [L]
</IfModule>
# END WordPress

✅ ถ้าไม่มีให้เพิ่มและบันทึกทันที

ขั้นตอนที่ 5 – ตรวจสอบปลั๊กอิน SEO

3 ปลั๊กอินที่สร้าง Sitemap ได้ดีที่สุด

  1. Yoast SEO

  2. Rank Math SEO

  3. All in One SEO Pack

แนวทางแก้

  • ปิดการทำงานของปลั๊กอิน SEO ชั่วคราว แล้วเปิดใหม่

  • ลองสลับไปใช้อีกปลั๊กอินหนึ่ง เช่น จาก Yoast ไป Rank Math

  • เช็กว่าเปิดใช้งาน Sitemap หรือไม่

ขั้นตอนที่ 6 – เช็ก robots.txt

ไปที่:


https://yourdomain.com/robots.txt

ตรวจสอบว่ามีการบล็อก Sitemap หรือเปล่า เช่น:

txt
Disallow: /sitemap_index.xml

หรือแม้แต่:

txt
User-agent: *
Disallow: /

❌ ต้องไม่มีคำสั่งที่บล็อก /sitemap*

ขั้นตอนที่ 7 – เปิด HTTPS ให้สมบูรณ์

ไปที่ Settings > General แล้วตรวจสอบว่า:

  • WordPress Address (URL) เป็น https://

  • Site Address (URL) เป็น https://

✅ ถ้าเว็บใช้ SSL แต่ Sitemap ยังใช้ http อาจต้องตั้งค่า redirect และ canonical ใหม่

📌 เทคนิคป้องกันปัญหา Sitemap อ่านไม่ได้ในอนาคต

ใช้ปลั๊กอินที่ได้รับการอัปเดตสม่ำเสมอ

  • หลีกเลี่ยงปลั๊กอินที่ไม่มีอัปเดตเกิน 1 ปี

  • อ่านรีวิวก่อนติดตั้ง

ไม่ใช้ปลั๊กอิน Sitemap ซ้อนกันหลายตัว

  • ใช้เพียง 1 ตัวเท่านั้น เช่น Rank Math SEO หรือ Yoast SEO

ตรวจสอบไฟล์ robots.txt และ .htaccess อย่างน้อยเดือนละครั้ง

ใช้ Plugin Debug เช่น:

  • Query Monitor

  • Health Check & Troubleshooting

✅ การส่ง Sitemap ที่ถูกต้องใน Google Search Console

ขั้นตอนการส่ง Sitemap ใหม่

  1. เข้าไปที่ Google Search Console

  2. เลือก Property ที่ตรงกับเว็บไซต์

  3. ไปที่เมนู “Sitemaps”

  4. ใส่ path: sitemap_index.xml

  5. กด “Submit”

🎯 ถ้าไม่พบข้อผิดพลาด แปลว่าการแก้ไขสำเร็จแล้ว!

🧠 สรุปปัญหา Sitemap Could Not Be Read และแนวทางที่ควรจำ

Checklist ก่อนส่ง Sitemap

  • Sitemap แสดงผลถูกต้องในเบราว์เซอร์

  • ไม่มีคำสั่งบล็อกใน robots.txt

  • ใช้ HTTPS ทั้งเว็บ

  • ปลั๊กอิน SEO ทำงานปกติ

  • ไฟล์ .htaccess มี Rewrite Rule ครบ

🤖 คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้พัฒนาเว็บไซต์

หากใช้ WooCommerce หรือเว็บขนาดใหญ่

  • ใช้ระบบ Sitemap แยกหมวด เช่น product-sitemap.xml, page-sitemap.xml, post-sitemap.xml

  • เช็กว่า Server รองรับ XML sitemap ได้หรือไม่ (เช่น Hosting ไม่บล็อก xml MIME type)

หากคุณยังเจอปัญหา “Sitemap Could Not Be Read” หลังจากทำตามทั้งหมดนี้แล้ว แนะนำให้ติดต่อผู้ให้บริการโฮสติ้ง หรือขอความช่วยเหลือจากนักพัฒนา WordPress ที่เชี่ยวชาญ เพราะอาจมีปัญหาเฉพาะที่ต้องดูที่ระดับ Server

⚠️ ปัญหา ที่เป็นไปได้ หากยังขึ้นว่า “Could not be read” บน Google

1. ปลั๊กอิน SEO อาจมีปัญหา (เช่น Yoast SEO)

หากมีการปิด/เปิด sitemap ใหม่บ่อยครั้ง หรือใช้ปลั๊กอินซ้อนกันหลายตัว อาจเกิดความขัดแย้ง ทำให้ไฟล์ sitemap เสียชั่วคราว

2. robots.txt บล็อก Sitemap

ไปที่:

arduino
https://yourdomain.com/robots.txt

ตรวจดูว่ามีบรรทัดใดที่เขียนว่า:

txt
Disallow: /sitemap_index.xml

ถ้ามี = ❌ ต้องลบทิ้ง

3. Cloudflare หรือ WAF บล็อก Googlebot

  • หากคุณใช้ Cloudflare หรือบริการ Firewall อื่น ๆ อาจมีการบล็อก Bot Google

  • แนะนำให้ตรวจสอบจาก Log หรือเพิ่ม Firewall Rule ที่อนุญาต User-agent: Googlebot

4. ไฟล์ Sitemap มี URL ภายในที่โหลดไม่ได้

  • sitemap index อาจโหลดได้ แต่บาง sitemap child เช่น:

    • /page-sitemap.xml

    • /post-sitemap.xml
      อาจเสียหรือแสดง 404 → Google จะถือว่า index ผิด

5. Google เคยแคช Sitemap เวอร์ชันเสียไว้แล้ว

  • บางครั้ง Sitemap เดิมเสีย แล้วอัปเดตใหม่ก็ยังไม่ผ่าน → ต้อง ลบแล้วส่งใหม่ใน GSC

✅ วิธีแนะนำให้คุณลองดำเนินการ:

ขั้นตอนที่ 1: ตรวจเช็ก robots.txt

เปิด https://yourdomain.com/robots.txt

ต้องไม่มีคำว่า Disallow: / หรือ Disallow: /sitemap

ขั้นตอนที่ 2: ล้าง Cache และ CDN

  • ถ้าคุณใช้ Cloudflare หรือ LiteSpeed Cache → Clear Cache

  • หากมี CDN → Purge ทั้งหมด

ขั้นตอนที่ 3: เข้า Google Search Console แล้ว:

  1. ลบ sitemap ที่ส่งไว้ก่อน

  2. ส่งใหม่เป็น sitemap_index.xml เท่านั้น

  3. รอ 24–48 ชั่วโมงแล้วตรวจสอบสถานะอีกครั้ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *